เพชรเม็ดนี้เป็นโคตรเพชร ลอยลงมาในเขตป่ายามค่ำคืน เป็นปรากฏการณ์ปริศนาอีกกรณี ที่หลายคนเชื่อว่าเป็นยานอวกาศของมนุษย์ต่างดาว ในช่วงค่ำของวันจันทร์ที่ 29 ธันวาคม 1980 เบ็ตตี แคช เจ้าของร้านอาหารเล็กๆ ในเมืองเดย์ตัน รัฐเท็กซัส นึกอยากเล่นบิงโกจึงชักชวน วิคกี แลนดรัม เพื่อนผู้เป็นพนักงานเสิร์ฟในร้านขึ้นรถพร้อมกับหลานชายวัย 7 ขวบของวิคกี ชื่อ โคลบี แลนดรัม ขับไปยังเมืองคลีฟแลนด์ รัฐเท็กซัส พอไปถึงคลีฟแลนด์ ปรากฏว่าคืนนั้นชมรมบิงโกไม่ได้มารวมตัวกัน เพราะเป็นช่วงเทศกาลคริสต์มาส ทั้งหมดก็เลยเดินทางต่อไปยังนิวแคนีย์ ซึ่งมีชมรมบิงโกเหมือนกัน ทว่าชมรมที่นั่นก็ไม่เปิด เพราะเขาเล่นกันในคืนวันอังคารไม่ใช่วันจันทร์ ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณ 2 ทุ่ม ทั้งคณะแวะกินมื้อค่ำที่สถานีพักรถบรรทุกแห่งหนึ่ง แล้วมุ่งกลับบ้านซึ่งอยู่บนถนนฟาร์มมาร์เก็ต 1485 ซึ่งเป็นเส้นทางชนบทผ่านป่าสนในเขตมอนโกเมอรีเคาน์ตี ขณะไปได้ประมาณ 12 ไมล์ โคลบีก็ชี้ให้ดูแสงบนท้องฟ้า
ทันใดนั้น ทุกคนก็มองเห็นวัตถุรูปทรงเหมือนเพชรสว่างเจิดจ้าลอยอยู่เหนือหมู่ไม้ มีไอพ่นขับดันออกมาทางด้านล่าง วัตถุนั้นลอยลงมาเหนือถนนสายนั้นในระดับความสูงราว 60 ฟุต วิคกีรีบร้องบอกให้เบตตีหยุดรถ เพราะกลัวว่าขืนขับลอดไปข้างใต้อาจถูกเผาได้ เบตตีเหยียบเบรคพรืด วิคกีเอามือยันคอนโซลหน้า รอยนิ้วมือของเธอผนึกติดแผงคอนโซลเลยทีเดียว ซึ่งอาจเป็นเพราะมันกำลังร้อนจัด และถึงแม้ต้นไม้แถวนั้นจะไม่ถึงกับเกิดไฟลุกไหม้ แต่เบตตีเล่าว่าต้นไม้เหล่านั้นได้กลายเป็นสีน้ำตาลเกรียมเบตตียังคงติดเครื่องทิ้งไว้ขณะที่เธอลงจากรถไปดูวัตถุนั้น ซึ่งเธอบอกว่า "ใหญ่อย่างกับหอสูงเก็บน้ำ" เธอเดินเข้าหาวัตถุนั้น แต่ทนอยู่ได้ไม่นานเพราะความร้อนและแสงจ้าที่แผ่ออกมา จึงหันเดินกลับไปขึ้นรถ พอเอามือจับที่เปิดประตูปรากฏว่ามือพอง ต้องใช้เสื้อโค้ทหนังป้องกันมือเอาไว้ถึงเปิดประตูได้ แต่เครื่องยนต์ดับไปแล้ว เธอพยายามอยู่หลายครั้งกว่าจะติดเครื่องได้อีก จากนั้นก็เปิดแอร์ เพราะในรถร้อนจัด วัตถุนั้นอยู่ห่างออกไป 130 ฟุต และอยู่สูงประมาณ 70 ฟุต บางครั้งก็ลอยลำสูงขึ้นโดยปล่อยไอพ่นขับดันออกมา
ในที่สุด! เจ้าวัตถุนั่นก็ลอยข้ามถนนไป โดยทุกคนต่างมองเห็นว่ามีเฮลิคอปเตอร์อย่างน้อย 12 ลำคอยติดตามหรือคอยคุ้มกันด้วย ซึ่งจากคำบอกเล่านั้นเชื่อกันว่าเป็นเฮลิคอปเตอร์แบบชินุค ขณะขับรถไป ทุกคนก็ยังเห็นวัตถุบินลึกลับนั้นกับเฮลิคอปเตอร์ทั้งฝูง จนกระทั่งกลับถึงบ้าน ผู้เห็นเหตุการณ์ทั้งสามเกิดอาการผื่นคันที่ผิวหนัง ท้องร่วง ผมร่วง และเคืองตา เบตตีมีอาการหนักกว่าเพื่อนเพราะออกไปอยู่นอกรถ แถมยังเข้าใกล้วัตถุนั้นกว่าคนอื่นๆ เธอเริ่มรู้สึกไม่สบายตั้งแต่หลังประสบเหตุการณ์นั้นแค่ครึ่งชั่วโมง และต้องเข้าโรงพยาบาลในวันที่ 3 มกราคม เพื่อรักษาอาการเหมือนถูกไฟคลอก ปวดหัวรุนแรง บวม มีตุ่มพุพองตามผิวหนัง ผิวลอกเป็นปื้นใหญ่ ผมร่วงเป็นกระจุก ซึ่งหมอบอกว่าเป็นอาการเหมือนคนที่ถูกรังสี แคชกับแลนดรัมต้องการให้รัฐบาลยอมรับว่าเป็นตัวต้นเหตุ และจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ โดยเบตตี แคช ได้ติดต่อวุฒิสมาชิก จอห์น ทาวเวอร์ กับ ลอยด์ เบนท์เซน โดยเบนท์เซนได้แนะนำให้เธอไปพบนักกฎหมายของกองทัพอากาศที่ฐานทัพเบิร์กสตรอม เมืองออสติน รัฐเท็กซัส เพื่อยื่นเรื่อง
ต่อมา จอห์น ชูสเลอร์ ผู้จัดการโครงการฝ่ายปฏิบัติการการบินกระสวยอวกาศ ของบริษัท แม็กดอนเนลดักลาส ได้เข้าตรวจสอบกรณีนี้ เขาไม่พบกัมมันตรังสีในที่เกิดเหตุแต่เจอบริเวณที่ยางมะตอยละลาย อย่างไรก็ดีเขาไม่ได้รับความร่วมมือจากทางการนัก นอกจากมีข่าวลือว่าพวกนักบินเฮลิคอปเตอร์ได้ยอมรับว่าได้เข้าร่วมในเหตุการณ์คืนนั้น และตำรวจของเมืองเดย์ตันนายหนึ่ง คือ แอล.แอล. วอล์กเกอร์ กับภรรยา มารี บอกว่าเห็น ฮ.แบบชินุกในบริเวณนั้นหลังเกิดเหตุ 4-5 ชั่วโมง ทนายความในนิวยอร์ก ปีเตอร์ เกอร์สเตน ซึ่งปัจจุบันเป็นประธานกลุ่มรณรงค์สิทธิในการรับรู้ของพลเมืองในเรื่องยูเอฟโอ หรือ Citizens Against UFO Secrecy ได้ยื่นฟ้องเรียกค่าชดเชยเป็นเงิน 20 ล้านดอลลาร์ในนามของแคชกับแลนดรัม แต่ในเดือนสิงหาคม 1986 ผู้พิพากษาศาลแขวงสหรัฐ รอสส์ สเตอร์ลิง ได้ตัดสินยกฟ้องหลังจากกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และนาซา สามารถพิสูจน์ให้ศาลเชื่อได้ว่าเฮลิคอปเตอร์เหล่านั้นไม่ได้เป็นของหรืออยู่ในความครอบครองของหน่วยงานรัฐหรือกองทัพ เบตตี แคช เสียชีวิตในวันที่ 29 ธันวาคม 1998 หรือ 18 ปีหลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งแม้เหตุการณ์ครั้งนั้นจะทำให้เธอมีสุขภาพย่ำแย่ไม่สิ้นสุด แต่ก็อาจไม่ได้เป็นสาเหตุโดยตรงต่อการเสียชีวิตของเธอ ส่วนวิกกี กับ โคลบี ยังมีชีวิตอยู่ โดยเหตุการณ์ดังกล่าวดูจะไม่ได้ก่อปัญหาด้านสุขภาพต่อคนทั้งสองแต่อย่างใด เรื่องราวในกรณีนี้ยังเป็นที่กล่าวขานถึงเสมอในแวดวงคนที่สนใจเรื่องจานบินตรามจนทุกวันนี้
ที่มารายงานข่าวจาก นสพ.USA เท็กซัส
Siriphong P. |